วันนี้ (28 ก.ค.) มีการเผยแพร่คลิปวีดิโอการปะทะคารมระหว่างไกด์ทัวร์จีนกับพนักงานปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งจากเพจหัวร้อน โดยทางไกด์ได้หยิบมือถือมาถ่ายคลิป เพราะไม่พอใจที่ปั๊มเก็บค่าเข้าห้องน้ำจากรถบัสทัวร์ตีนคันละ 100 บาท
โดยทางพนักงานชี้แจงว่า ปกติถ้าเป็นลูกค้าที่มาเติมน้ำมันก็ไม่มีการเก็บค่าใช้บริการ
แต่กรณีนี้เป็นทัวร์จีน ซึ่งทำให้ไกด์โกรธมากขึ้นไปอีก และได้สอบถามชื่อพนักงาน พร้อมกับกล่าวว่า “ถ้ามีป้ายแปะไว้ว่าเข้าห้องน้ำต้องเสียเงิน จะไม่ว่า ถ้าคิดจะเก็บ แน่จริงก็ต้องทำให้ถูกกฎหมาย” และ “ปั๊มคืออะไร ปั๊มคือสถานที่ให้บริการคนมาใช้งานไม่ใช่เหรอ”
ทางพนักงานก็ตอบกลับว่าตนได้รับคำสั่งจากเถ้าแก่ให้มาเก็บเงิน ถ้าเถ้าแก่ไม่สั่งตนก็จะไม่ว่าอะไรเลย แต่ทางไกด์ก็ยังถามหาป้ายเก็บเงิน ทางพนักงานปั๊มจึงไปพูดคุยกับพนักงานขับรถว่าหากเติมน้ำมัน 500 บาท ขึ้นไป ต่อคัน ก็สามารถใช้ห้องน้ำได้เลย
แต่ไกด์ก็ยังพูดต่อว่าตนจะไม่เติมน้ำมันที่นี่ เพราะเติมจากปั๊มอื่นมาแล้ว แค่จะมาใช้ห้องน้ำเท่านั้น และยังถามว่า ทำไมรถทัวร์จีนคันอื่นจึงไม่มาเรียกเก็บ เก็บเฉพาะคันนี้ ทำให้พนักงานมีท่าทางลำบากใจ ตอบว่าคันอื่นเขาเติมน้ำมันแล้ว จึงไม่ได้เก็บ และหากตนไม่ได้รับคำสั่งจากเถ้าแก่มา ตนคงไม่กล้ามาเรียกเก็บแบบนี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังคลิปถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา โดยหลายเสียงพูดว่า 100 บาทค่าใช้บริการห้องน้ำอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ เพราะทัวร์จีนกลุ่มนี้ไม่ได้มาเติมน้ำมันที่ปั๊มนี้ แต่จะมาใช้ห้องน้ำ ซึ่งก็ต้องมีค่าทำความสะอาด บางรายกล่าวอีกว่าเก็บ 100 นั้นน้อยไป ควรจะคิดราคาคันละ 300 บาทด้วยซ้ำ หรือคนละ 100 บาทไปเลย
ในเวลา 10.00 น.ของวันนี้ ตำรวจสน.บางเขนได้เข้าเบิกตัวนายอำนาจออกจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. – 14 พ.ค. โดยเพื่อนทั้งสองของนายอำนาจก็ถูกยื่นฝากขังต่อศาลในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายอำนาจขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความกังวลต่อคดีและผู้ต้องหาตอบสั้นๆ เพียงว่า “ไม่กังวล”
ขณะที่แฟนสาวนายอำนาจ เผยว่า ทางครอบครัวมายื่นเอกสารขอประกันตัว และได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการแล้ว ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นตนยืนยันว่าเป็นการป้องกันตัวเนื่องจากนายอำนาจถูกขู่ฆ่ามาก่อน โดยแฟนเล่าให้ตนฟังว่าเขากำลังขึ้นรถกลับบ้านแต่พวกของนายอัษฎามาดักรออยู่หน้ารถและถือปืนหมดทุกคน นายอำนาจถอยกลับไปที่สนามมวยแต่พบนายอัษฎารออยู่และเห็นท่าไม่ดีเพราะนายอัษฎาพยายามจะชักปืนออกมา เรื่องราวจึงปรากฏตามคลิป ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องมีคนในสนามมวยเดินมาบอกกับเขาว่าให้ระวังตัว มีคนจะดักทำร้าย ซึ่งวันที่เกิดเหตุนายอำนาจไม่ได้พกอาวุธไปด้วย ส่วนปืนก็มีเพื่อนเอามาให้ไว้ป้องกันตัว นอกจากนี้ยังเสริมว่า นายอำนาจเป็นคนดี รักครอบครัว รักเพื่อน รักน้อง และเป็นที่รักของทุกคน เห็นใครเดือดร้อนก็จะเข้าช่วยเหลือทุกครั้ง
เตือนภัยชอปปิ้งออนไลน์ ตำรวจรวบสาวขายของแบรนด์เนม จริงๆ รับซื้อของโจรมาขาย
วานนี้ (27 ก.ค.) ตำรวจกองปราบฯ เข้าจับกุมน.ส.นัชชา เรืองรวีภูวสิน อายุ 24 ปี ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังในกทม. หลังสืบทราบว่า น.ส.นัชชานั้นรับของโจรและประกอบอาชีพค้าของเก่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยตั้งแต่ปี2560 มีผู้เสียหายรายหนึ่งเข้าแจ้งความว่าน.ส.นัชชา เจ้าของร้านค้าขายกระเป๋าแบรนด์ออนไลน์ชื่อดัง รับซื้อกระเป๋าชาเนลรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นของตนจำนวน 2 ใบจากคนขับรถของตนที่ติดการพนันและขโมยกระเป๋าของตนไปขาย โดนกระเป๋าสองใบนี้มีมูลค่าประมาณใบละ 200,000 บาท รวมมูลค่า 400,000 บาท
ผู้เสียหายเล่าว่า คนขับรถได้นัดเจอกับน.ส.นัชชา ที่ร้านอาหารย่านรัชดา กทม. โดยน.ส.นัชชาตกลงซื้อกระเป๋าไปใบละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 40,000 บาท เมื่อตนทราบเรื่องว่ากระเป๋าถูกขโมยก็พยายามติดต่อไปที่น.ส.นัชชาเพื่อขอซื้อคืนในราคาที่น.ส.นัชชาจ่ายไป โดยใช้เงินของตัวเองทั้งหมด และบอกว่าจะไม่เรียกร้องใดๆ เพียงแต่อยากได้กระเป๋าคืนเพราะ เป็นรุ่นหายากและมีคุณค่าทางจิตใจมาก แต่กลับถูกน.ส.นัชชาปฏิเสธ
ซึ่งตนก็พยายามติดต่อน.ส.นัชชาไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายน.ส.นัชชาก็เปลี่ยนเว็บไซต์ที่ใช้ขายของแบรนด์เนมเป็นชื่ออื่น และยังคงทำการรับซื้อ-ขาย จำนำต่อไปจนถูกจับกุม
โดยทางตำรวจได้ฝากเตือนผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ทั้งหลาย โดยเฉพาะสินค้าประเภทกระเป๋าและนาฬิกาแบรนด์เนมมือสอง ให้ระมัดระวัง เพราะอาจซื้อสินค้าที่ถูกขโมยมาโดยไม่รู้ตัว หากจะซื้อควรซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ และพิสูจน์ได้ว่าได้มาอย่างถูกต้อง และฝากเตือนไปยังพ่อค้าแม่ค้าว่าหากตัดสินใจจะซื้อกระเป๋าหรือนาฬิกามือสอง ก็ควรตรวจสอบที่มาอย่างละเอียดว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต่อเติมใหม่ ภายในบริษัท ไทยเมอรี่ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 97 หมู่ที่ 11 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร มีลักษณะเป็นอาคารสำนักงานและอาคารจอดรถสูง 4 ชั้น โดยแผ่นปูนที่ใช้สำหรับทำเป็นผนังตัวอาคารขนาดใหญ่น้ำหนัก 6 ตันเศษ ได้หล่นลงมาจากชั้นที่ 4 แล้วก็ทับร่างของนายณัฐวุฒิ ชอบสุข อายุ 24 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ คนงานเสียชีวิตคาที่
credit : nissigraff.com nydailynewsdemo.com omalleyssportpub.net packersjerseysshop.com painkillerawareness.org pornoklikk.com raybansunglassesonsale.com recunchosdacosta.com redemptionreg.com