วันนี้ (29 ก.ค.) ‘น้องโทนี่’ เด็กนักเรียนชั้นม.3 ของโรงเรียนชื่อดังในจ.ขอนแก่น ถูกส่งเข้ารับการรักษาพยาบาลเนื่องจากมีอาการไข้สูง แพทย์พบว่ามีอาการกระดูกสันหลังงอ โดยผู้เป็นแม่คือนางสุภาพ อายุ 40 ปี ได้นำแผ่นเอกซเรย์จากทีมแพทย์มาเผยแพร่เพื่อแสดงให้เห็นถึงอาการคดงอของกระดูกสันหลัง
ผู้เป็นแม่เผยว่าเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา
ได้พาลูกสาวไปทำธุระในเมือง และลูกมีอาการไอ ตัวร้อน ตนจึงนำส่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อแพทย์เอกซเรย์ปอดก็ยังพบว่าปอดปกติ และแพทย์สรุปว่าลูกป่วยด้วยอาการไข้ธรรมดาบวกกับอาการหลอดลมอักเสบ และได้รักษาตามอาการจากนั้นก็อนุญาตให้กลับบ้าน
นางสุภาพกล่าวว่าหากตนไม่ได้นำลูกสาวมาที่โรงพยาบาลนี้ก็คงไม่ได้ทราบความจริง ทีแรกแพทย์ที่รักษาอาการลูกเป็นแพทย์รักษาโรคทั่วไปไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางหรือโรคกระดูก แต่ฟิล์มเอกซเรย์ที่คราวแรกจะใช้เอกซเรย์ปอดนั้นเผยให้เห็นว่ากระดูกสันหลังของลูกตนคดงอ แพทย์จึงได้แจ้งให้มาตรวจติดตามอาการอีกครั้ง เพื่อส่งต่อให้แพทย์เฉพาะทางตรวจสอบอย่างละเอียด จึงจะทราบแผนการรักษาเกี่ยวกับกระดูกที่คดงอต่อไป
ทั้งนี้ นางสุภาพกล่าวว่า จากการพูดคุยกับแพทย์เบื้องตัน อาการของลูกน่าจะมาจากการแบกสิ่งของหนัก ซึ่งก็คือกระเป๋านักเรียน ติดต่อกันเป็นเวลานาน และตนคิดว่าที่เป้นเช่นนี้เพราะกระเป๋าของลูกเป็นแบบสะพายด้วย เพราะตั้งแต่ลูกสาวเข้าเรียนชั้นม.1 – ม.3 ลูกบ่นปวดหลังและไหล่ อีกทั้งชอบให้ตนนวดหลังให้บ่อยๆ โดยการเรียนในชั้นมัธยมนั้น นักเรียนต้องสะพายกระเป๋าเดินเรียนตามห้องต่างๆ
หลังจากนี้ เมื่อน้องโทนี่กลับไปเรียนหนักสือตามปกติ ทางครอบครัวจะนำแผ่นเอกซเรย์ไปเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อขอให้ลูกเปลี่ยนจากกระเป๋าสะพายหลังมาเป็นแบบลากแทน เพราะถ้าปล่อยให้ใช้แบบเดิมต่อไป น้องโทนี่อาจมีอาการรุนแรงกว่านี้ อาจถึงขั้นทับเส้นประสาทก็เป็นได้ และผู้เป็นแม่ขอฝากเป็นอุทธาหรณ์ไปยังผู้ปกครองทุกคนเพื่อให้ช่วยกันตรวจสอบลูกหลานด้วย
วันรุ่น 15 ถีบรถมอเตอร์ไซค์สาว 19 ล้มก่อนฉุดหวังข่มขืน อ้างขาดยาควบคุมความหื่น คุมตัวเองไม่ได้
จากกรณีที่สาววัย 19 เข้าแจ้งความที่สภ.เมืองอุดรธานี หลังถูกชายวัยเพียง 15 ปีขี่รถจักรยานยนต์ประกบและถีบรถจักรยานยนของตนจนล้มบริเวณถนนหลังมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ศูนย์สามพร้าว) ก่อนจะลากตนไปริมถนนหวังข่มขืน แต่เคราะห์ดีมีชาวบ้านมาพบเข้าจึงรอดมาได้ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดตำรวจสามารถรวบตัวคนร้ายรายนี้ได้แล้ว
โดยผู้ก่อเหตุคือนายน็อต (นามสมมติ) ถูกแจ้งข้อหากระทำชำเรา อนาจาร และทำร้ายร่างกาย และตำรวจยังสืบทราบว่านายน็อตนั้น ก่อคดีมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ บางวันก่อเหตุซ้ำถึงสองครั้ง โดยช่วงวันที่ 17-22 ก.ค.มีเหยื่อเข้าแจ้งความถึง 4 ราย นายน็อตอ้างกับตำรวจว่าตนมีอาการทางจิต สมาธิสั้น และหมกมุ่นทางเพศ ทำให้ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ หากเจอผุ้หญิงในที่เปลี่ยวก็จะลงมือทันที ในวันที่ก่อเหตุดังกล่าวก็ลืมกินยา ทำให้มีอารมณ์ทางเพศ โดยตนเคยถูกจับกุมคดีเดียวกันเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งตอนนี้อายุเพียง 13 ปีและอยู่ระหว่างรอศาลกำหนดโทษ
นายน็อตกล่าวว่า ตนเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อายุ 13 และตอนไม่ได้กินยาก็จะหงุดหงิด เมื่อเห็นผู้หญิงขี่รถจักรยานยนต์ผ่านก็จะมีอารมณ์ทางเพศ อยากไปจับลูบคลำ และตนต้องกินยาทุกวัน แม้ว่าขณะเกิดเหตุเหยื่อจะขอร้องว่าอย่าทำ แต่ตนควบคุมตนเองไม่ได้ หลังเกิดเหตุก็รู้สึกเสียใจ และกล่าวว่าบางครั้งก็จำเหตุการณ์ที่ตนก่อเหตุไม่ได้ด้วย
หนึ่งในเหยื่อของนายน็อตคือ น.ส.จิต (นามสมมติ) อายุ 34 ปีเล่าว่า กรณีของตนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปหาปฟนที่หมู่บ้านคำกลิ้ง โดยระหว่างที่ผ่านศูนย์สาธารณะสุข (อนามัยคำกลิ้ง) ซึ่งเป็นถนนเปลี่ยว ป่าข้างทางรกทึบ ไม่มีเสาไฟส่องสว่าง ตนเห็นชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมาแต่ไม่ยอมแซง จากนั้นก็ขี่เข้ามาประกบและถีบรถมอเตอร์ไซค์ตนจนล้ม ตนพยายามลุกขึ้นวิ่งไปที่ที่มีไฟส่องสว่างและตะโกนให้คนช่วยทำให้คนร้ายหยุดตามและขี่รถหนีไป
อย่างไรก็ตาม น.ส.จิต ยอมรับว่าเห็นหน้าคนร้ายไม่ชัดเจน รู้เพียงว่าเป็นเด็กหนุ่ม และเมื่อทราบข่าวเรื่องเหยื่อสาววัย 19 ปีก็ทำให้ตนรูสึกกลัว ไม่กล้าออกจากบ้านกลางคืนอีกเลย แต่เมื่อทราบว่าคนร้ายถูกจับก็รู้สึกโล่งใจ
ระเบิดกรุงเทพ – จากกรณีเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายจุดในกรุงเทพมหานคร และพบระเบิดหลายลูก ได้แก่ บริเวณศูนย์ราชการ อาคารบี ถนน แจ้งวัฒนะ, กองบัญชาการกองทัพไทย, ใกล้หน้าตึกมหานคร บริเวณ BTS ช่องนนทรี และภายในซอยพระราม 9 57/1 ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บรวมเบื้องต้น 4 ราย รวมถึงก่อนหน้านี้ (1ส.ค.) พบระเบิดปลอมวางใต้ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควบคุมผู้ต้องสงสัย 2 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวน
คืบหน้าล่าสุด สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันถึงคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต่อเหตุการณ์ระเบิดช่วงเช้าวันนี้ว่า ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้รับการแจ้งเตือนจากหน่วยข่าวกรองความมั่นคงมาเป็นระยะแล้วก่อนหน้านี้ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดช่วงนี้ พร้อมทั้งระบุว่า อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด ก็ยังเป็นกลุ่มเดิมๆ สังเกตจากลักษณะการก่อเหตุที่คล้ายกับเหตุการณ์ปี 2549 “กลุ่มคนเดิมๆ แนวคิดเดิมๆ มาจากสำนักเดิมๆ ที่เคยระเบิดป้อมตำรวจหลายจุด”